‘โฆษกเพื่อไทย’ เผย ครอบครัวเพื่อไทยเชียงใหม่ผลตอบรับดีเกินคาด ปชช.รอลุ้นนโยบายใหม่เพียบ เบรก ‘ปชป’ ทำความเข้าใจ Soft power ให้ดีก่อน

‘โฆษกเพื่อไทย’ เผย ครอบครัวเพื่อไทยเชียงใหม่ผลตอบรับดีเกินคาด ปชช.รอลุ้นนโยบายใหม่เพียบ เบรก ‘ปชป’ ทำความเข้าใจ Soft power ให้ดีก่อน

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ จ.เชียงใหม่ ได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ จังหวัดใกล้เคียงและทั่วประเทศเป็นอย่างมาก ทั้งการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือตอนบน ครบทั้ง 40 เขตและยังมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมครอบครัวเพื่อไทยอีกจำนวนมาก รวมทั้งการลงพื้นที่รับฟังปัญหา หารือ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ทุกสาขาอาชีพ ตั้งแต่วันที่ 9-10 กันยายน 2565 นำโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย โดย ส.ส. สมาชิกพรรค คณะทำงานด้านนโยบาย จะนำข้อร้องเรียน ตลอดจนข้อเสนอแนะของพี่น้องประชาชน พัฒนามาเป็นนโยบายของพรรค เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของพี่น้องประชาชนต่อไป

จากการเปิดตัวนโยบายแรก 2 นโยบาย ได้แก่ นโยบายด้านการเกษตร ภายใต้แนวคิด ‘ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้’ แนวคิดเกษตรก้าวหน้าที่จะนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการทำการเกษตร เพื่อผลักดันให้ราคาสินค้าเกษตรของไทยขายได้ราคามากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ถูกทอดทิ้งเหมือนในปัจจุบัน รวมทั้งนโยบายที่ 2 คือ ‘1 ครอบครัว 1 Soft Power’ นโยบายที่จะสร้างเงินจากฝีมือของ 1 คนในครอบครัว เพราะพรรคเพื่อไทยมองเห็นโอกาสว่าค่าแรงของ Soft Power มีค่าแรงสูงกว่าค่าแรงอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมถึงแนวคิดในการจัดตั้ง The Thai Creative Content Agency : THACCA หน่วยงานพัฒนาศักยภาพ Solf power ที่ใช้งบประมาณของรัฐบาลในการดูแลและนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบหน่วยงานนี้

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า หลังจากเปิดตัว 2 นโยบายดังกล่าว ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดีและรอคอยการประกาศนโยบายใหม่ๆ ที่ทีมนโยบายของพรรคดำเนินการพัฒนาอย่างรอบคอบ เพื่อเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนมากที่สุด หากชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ สิ่งที่เราคิดไว้ พร้อมทำทันที

ส่วนกรณีที่คนในพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตอบโต้นางสาวแพทองธาร ว่าลอกนโยบาย ทั้งในเรื่องของคำว่าเซลล์แมนขายสินค้าเกษตรในต่างประเทศ หรือ Soft power โดยระบุว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ทำมาตลอดนั้น บุคคลผู้นั้นอาจจะไม่ทราบความหมายที่แท้จริงของคำว่า Soft power เพราะคือ การนำวัฒนธรรม เอกลักษณ์ หรือจุดเด่นมาเป็นจุดขาย ร่วมกับการใช้ความสมัยใหม่และเป็นสากล สร้างรายได้ ขยายไปในตลาดโลกนำรายได้เข้าสู่ประเทศ ซึ่ง Soft power ของเพื่อไทย คือ ต้นทุนทางวัฒนธรรม ที่ดำรงอยู่ในวิถีชีวิต วัฒนธรรม และสังคมไทย มีความสร้างสรรค์ ความละเมียดที่ดำรงอยู่ที่แสดงออกผ่านการปรุงอาหาร การประดิษฐ์สร้างสรรค์ หัตถกรรม ไปจนถึงงานศิลปะทุกแขนง สามารถด้านกีฬา การเขียน software และความสามารถทาง e-sport ฯลฯ แต่หากมาดูผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันเกี่ยวกับ Soft Power ของกระทรวงพาณิชย์ที่นำโดยนายจุรินทร์นั้น ยังถูกตั้งคำถามเพราะที่ผ่านมาคนไทยที่มีฝีมือหรือองค์กรภาคเอกชน ก็ล้วนดิ้นรนหาทางเติบโตเองทั้งสิ้น

นอกจากนี้ หากจะกล่าวถึงคำว่า ‘เซลล์แมน’ หรือ ‘ทูตการค้า’ นั้น บุคคลที่ริเริ่มใช้คำนี้ คือ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่กระตุ้นให้ผู้แทนทางการทูตในต่างประเทศในขณะนั้น ร่วมมือกันขายภาพพจน์และภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย ไปเจาะตลาด สร้างรายได้ในต่างประเทศ ดร.ทักษิณ ได้ใช้ความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญในการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ นำมาปรับใช้ในขณะที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจนมาเป็นนายกรัฐมนตรี นำสินค้าไทยไปขายในเวทีโลก ซึ่งทั้งหมดเป็นการสานต่อแนวคิดเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้าของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีแนวคิดสร้างเศรษฐกิจเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนเช่นเดียวกัน หากใครจะเอาคำนี้ไปใช้ ก็ไม่ว่ากันหากทำแล้วเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย ได้คิดค้นและพัฒนาแนวคิดจากหลายภาคส่วนทั้งและต่างประเทศ จนต่อยอดมาเป็นนโยบายใหม่ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศ ไทย ที่ล้วนเปลี่ยนชีวิตให้กับคนไทย ไม่ว่าจะเป็น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคที่คิดค้นขึ้นใหม่ครั้งแรก นโยบาย 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่พัฒนาต่อยอดมาจากโครงการต้นแบบอย่าง OVOP ประเทศญี่ปุ่น โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน (ODOS) บ้านเอื้ออาทร นโยบายพักหนี้ กองทุนพัฒนาชุมชน กองทุน SML จัดตั้ง TCDC และ TK Park ที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative economy) ซึ่งเป็นแขนงหนึ่งของ Soft power และอีกมากมายที่พัฒนาต่อยอด คิดใหม่ ทำใหม่ ให้กับคนไทย จนกลายมาเป็นนโยบายหลักที่สร้างความเท่าเทียม สร้างโอกาส สร้างบรรทัดฐาน สร้างชีวิตใหม่ ให้กับคนไทยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งไม่มีรัฐบาลไหนยกเลิกโครงการดังกล่าวได้ แม้แต่รัฐบาลนี้ก็ยังต้องดำเนินการต่อ พลเอกประยุทธ์เองยังเคยนำเอาโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคไปพูดบนเวทีโลก แต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้แสดงท่าทีอื่นใดต่อการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด

Related posts